ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ทัวร์เที่ยวทะเลทรายที่น่าดึงดูดใจที่สุดในยุโรป


ประเภททริป
กลางแจ้งและธรรมชาติ

ยุโรปมีทิวทัศน์ทางธรรมชาติอันงดงามอยู่มากมาย และคุณอาจนึกไม่ถึงว่าที่จริงแล้วก็มีทะเลทรายหลายแห่งในทวีปยุโรปด้วยเช่นกัน เหล่าผู้รักธรรมชาติและนักผจญภัยที่กำลังวางแผนทริปถัดไปสามารถแวะไปที่หนึ่งในทะเลทรายแห่งนี้เพื่อสัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่ไปด้วยกัน

Błędów Desert ประเทศโปแลนด์

เมื่อย้อนไปช่วงทศวรรษ 1900 ผู้มาเยือนที่นี่คิดว่าทะเลทรายเป็นภาพลวงตา

เมื่อพูดถึงโปแลนด์ก็อาจจะนึกถึงภาพของทะเลสาบมาซูเรียนที่เป็นประกายระยิบระยับและเทือกเขาทาทราสูง ๆ ต่ำ ๆ แต่ที่นี่ก็เป็นที่ตั้งของทะเลทราย Błędów Desert ด้วยเช่นกัน ทะเลทรายที่ได้ชื่อว่า “ซาฮาราแห่งโปแลนด์” นี้มีอาณาเขตเป็นสัดเป็นส่วนแทรกอยู่ระหว่างหมู่บ้าน Chechło และหมู่บ้าน Klucze โดยเกิดจากทั้งการกระทำของมนุษย์และธรรมชาติสร้างขึ้นโดยบังเอิญ ผลจากการตัดไม้ทำลายป่าเผยให้เห็นว่าธารน้ำแข็งทำให้เกิดชั้นทรายลึกลงไปใต้ดิน ที่นี่เป็นทะเลทรายเพียงแห่งเดียวของโปแลนด์และเป็นตัวอย่างอันแปลกตาของมรดกทางธรรมชาติ ด้วยสภาพที่แห้งแล้งและต่างจากพื้นที่โดยรอบอย่างมากจึงทำให้มีบันทึกว่านักท่องเที่ยวที่มาเยือนบริเวณนี้ในช่วงปีทศวรรษที่ 1900 คิดว่านี่นี่เป็นเพียงภาพลวงตา วิธีที่ดีที่สุดในการเดินทางไปทะเลทราย Błędów Desert คือด้วยรถยนต์ ที่นี่ยังเหมาะกับการพาเด็ก ๆ หรือสุนัขไปด้วย จากนั้นเดินทางต่อไปยัง Hotel Pod Figurą ที่ออกรอเจียเนียซและไปเยือนซากปรักหักพังในยุคกลางของปราสาทออกรอเจียเนียซซึ่งว่ากันว่ามีพลังงานลึกลับคอยหลอกหลอนอยู่

Deliblato Sands ประเทศเซอร์เบีย

Delblato Sands เป็นเขตอนุรักษ์ธรรมชาติพิเศษและแหล่งระบบนิเวศที่กำลังเติบโต

Deliblato Sands เป็นผืนทรายกว้างใหญ่ในเซอร์เบีย และเป็นภูมิประเทศที่เป็นทรายที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ทะเลทรายแห่งนี้ตั้งอยู่ติดชายแดนโรมาเนีย มีพื้นที่ประมาณ 300 ตารางกิโลเมตร และเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวน่าทึ่งที่สุดของเซอร์เบีย เนินทรายใหญ่โตทอดตัวเป็นเนินสูงต่ำ มีถนนคดเคี้ยวไปมาตามภูมิประเทศนี้ จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้เดินทางที่วางแผนไปโร้ดทริปครั้งถัดไป ทะเลทรายนี้เป็นเขตอนุรักษ์ธรรมชาติพิเศษและแหล่งระบบนิเวศที่กำลังเติบโตซึ่งมีพืชกว่า 900 สายพันธุ์ ในจำนวนนี้มีกล้วยไม้ 20 ชนิด และยังเป็นที่อยู่อาศัยของหมาป่าและนกอินทรีหัวไหล่ขาว สัมผัสความยิ่งใหญ่ของทะเลทรายและรอชมภาพยามอาทิตย์อัสดง ซึ่งเฉดสีทองจะส่องประกายมากที่สุดระหว่างที่ขับรถเพื่อไปยัง Ladybird Lodge

Oleshky Sands ประเทศยูเครน

Oleshky Sands เกิดจากสายลมกระโชกแรงและเหล่าแกะผู้หิวโหย

Oleshky Sands ของยูเครนเป็นทะเลทรายที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของทวีปยุโรป และเป็นสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติอันโดดเด่นที่สุดของประเทศ ที่นี่ถูกจัดให้เป็นเขตกึ่งทะเลทรายเพราะมีระดับน้ำฝนและอุณหภูมิขึ้น ๆ ลง ๆ ทั้งยังมีความเป็นมาที่ไม่ธรรมดาอีกด้วย ในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 มีคนเลี้ยงแกะได้นำแกะฝูงใหญ่มาที่นี่ แต่พอเวลาผ่านไปช่วงหนึ่ง แกะก็ได้กินหญ้าทั้งหมดไปเสียแล้ว และสายลมแรงที่พัดกระหน่ำผ่านบริเวณนี้ก็ได้กร่อนพื้นดินเผยให้เห็นทรายที่อยู่ด้านล่าง และสุดท้ายก็ก่อกำเนิดเป็นทะเลทราย ปัจจุบันนี้สามารถมองเห็นเนินทรายทอดตัวเรียงรายนิ่งสงบอยู่ไกล ๆ เต็มไปด้วยโอเอซิสมีป่าสนเขียวชอุ่มอยู่ด้านหลัง ไปเที่ยวทะเลทรายแบบไปเช้าเย็นกลับและปิดท้ายวันด้วยการไปพักที่ Optima Kherson ในเมืองเคอร์ซอนที่อยู่ใกล้เคียง

Tabernas Desert ประเทศสเปน

ทะเลทรายแห่งนี้เป็นที่ถ่ายทำฉากในภาพยนตร์ทำเงินอย่างอินเดียน่า โจนส์

Tabernas Desert เรียกได้ว่าเป็นอาณาจักรในตัวของมันเองและผ่านช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยดารามาแล้ว พื้นที่รกร้างว่างเปล่าอันแห้งแล้งของสเปนผืนนี้มีภูมิประเทศสูง ๆ ต่ำ ๆ สภาพกึ่งแล้งและได้รับแสงอาทิตย์ในปริมาณมาก และเคยเป็นฉากในภาพยนตร์ชื่อดังเรื่องต่าง ๆ เช่น อินเดียน่า โจนส์ ลอเรนซ์แห่งอาราเบีย และหนังคาวบอยอีกหลายเรื่อง ทุกวันนี้มีหมู่บ้านสไตล์ตะวันตกตั้งกระจัดกระจายอยู่ทั่วที่ราบนี้ ซึ่งยินดีต้อนรับผู้มาเยือนและเปิดให้ได้ลองทำตามจินตนาการอย่างที่ใฝ่ฝันเอาไว้ ทะเลทราย Tabernas Desert นั้นเหมาะกับการถ่ายทำภาพยนตร์อย่างไม่ต้องสงสัยเลย ด้วยภูมิประเทศที่มีทั้งหินทรายและหินโคลน มีหญ้าขึ้นเป็นหย่อม ๆ และกอหญ้าอยู่ตามเนินสูงต่ำ และบางครั้งก็แต่งแต้มไปด้วยโทนสีส้มเหลืองเข้ม ที่นี่เป็นจุดหมายที่เหมาะกับครอบครัวและผู้ชอบเดินทางไกล เพราะมีทัวร์เดินเที่ยวโดยเฉพาะที่ควรค่าให้ไปลอง สำหรับที่พักนั้นก็มี Alojamientos Rurales Los Albardinales ซึ่งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและอยู่แค่ตรงริมขอบทะเลทราย

Accona Desert ประเทศอิตาลี

Accona Desert ต่างจากทิวทัศน์สุดคลาสสิกของทัสกานีราวกับเป็นอีกโลกหนึ่งเลยทีเดียว

Accona Desert เป็นส่วนหนึ่งของภูมิประเทศที่หลากหลายในแคว้นทัสกานี และเป็นพื้นที่กึ่งแล้งในใจกลาง Crete Senesi เนินแห้งแล้งซึ่งเหมือนอยู่บนพระจันทร์ที่เรียกว่า Calanques ตั้งตระหง่านอย่างโดดเด่น และ Biancane ทรงโดมสีเทาเรียงรายตามเส้นขอบฟ้า ที่นี่เป็นดินแดนสีหม่นที่ประกอบด้วยสีเทาและสีเหลืองซีด และมีพืชพรรณขึ้นไม่มากนัก ทำให้เกิดเป็นภาพที่แม้จะไม่คุ้นเคยแต่ก็สวยแปลกตา การขับรถเที่ยวที่นี่ก็นับเป็นวิธีใหม่แทนการเที่ยวโร้ดทริปแบบคลาสสิกในทัสกานี และผู้มาเยือนจะสะดุดตากับอารามมอนเตโอลีเวโตมัจโจเร อารามนิกายเบเนดิกทีนโดดเด่นสีแดงอิฐซึ่งตัดกับพื้นที่สีเทาที่อยู่โดยรอบอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเที่ยวเสร็จแล้วก็ได้เวลาเดินทางกลับไปที่ Hotel Athena อันสวยสง่าซึ่งมองเห็นวิวมุมกว้างของขอบฟ้าในเซียนา